หลังจากตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ได้ปิดตัวลงไปอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อสำรวจตลาดลูกหนังในช่วงนี้จะพบว่าค่อนข้างจะซบเซาพอสมควรอันมีสาเหตุมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้บรรดาเจ้าบุญทุ่มทั้งหลายยังไม่กล้าที่จะทุ่มเงินลงไปในตลาดนักเตะมากนัก โดยส่วนมากจะเป็นการซื้อมาขายไปเสียมากกว่า แต่ไม่ใช่กับสิงโตน้ำเงินครามเชลซี ของเสี่ยหมีและกุนซือแฟรงค์ แลมพาร์ด ที่กระโดดลงในตลาดรอบนี้โดยใช้เงินอย่างบ้าคลั่งซึ่งเมื่อหักลบกลบหนี้ซื้อมาขายไปแล้วพบว่าตัวเลขของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นไปถึง 220 ล้านปอนด์เลยทีเดียว โดยพวกเขาได้ทำการดึงตัวผู้เล่นเข้ามาให้แลมพาร์ดสร้างทีมถึง 8 รายด้วยกัน ซึ่งถึงแม้ว่าสามในห้ารายที่ดึงมาจะเป็นการได้มาแบบฟรี ๆ คือ ติอาโก้ ซิลวาที่หมดสัญญาจากปารีส มาลอง ซาร์ดาวรุ่งจากนีช และซาเวียร์ เอ็มบูยามบา ดาวรุ่งจากบาร์เซโลน่าอีกคน ดังนั้นค่าตัวทั้งหมดมันจึงเป็นของนักเตะห้าคนที่เหลือซึ่งก็คือติโม แวร์เนอร์กองหน้าฟอร์มร้อนชาวเยอรมันจากไลป์ซิก…
เป็นที่ยืนยันแล้วว่าคริสเตียนโน่ โรนัลโด้กองหน้าซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสขอองทีมม้าลาย ยูเวนตุสนั้นตรวจพบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเป็นข่าวร้ายที่สร้างผลกระทบมากมายพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งเจ้าตัวโรนัลโด้เอง ทีมและแฟนบอลของสโมสรยูเวนตุสเอง อีกทั้งการตรวจพบเชื้อของโรนัลโด้นั้นมันเกิดขึ้นในขณะที่เจ้าตัวเข้าแคมป์เก็บตัวกับทีมชาติโปรตุเกสอีกด้วยมันจึงทำให้ผู้เล่นหลายคนกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงตามไปด้วย สำหรับในส่วนของยูเวนตุสต้นสังกัดโดยตรงของเจ้าตัวนั้น นับว่าเสียหายมากมายเลยทีเดียวสำหรับการเร่งทำผลงานให้กลับมาดีอีกครั้งในกัลโช่ ซึ่งทางสโมสรพึ่งจะเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมจากเมาริซิโอ ซาร์รี่มาเป็นอันเดรีย ปีร์โล่ ซึ่งถือว่ากำลังอยู่ในช่วงปรับแต่งนักเตะที่มีให้เข้ากับแท็กติกของผู้จัดการทีมคนใหม่อยู่ และการขาดหายไปของผู้เล่นคนสำคัญอย่างโรนัลโด้อาจจะทำให้พวกเขาฟอร์มสะดุดไปก็เป็นได้ รวมไปถึงการที่ยูเว่มีคิวจะลงฟาดแข้งในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกในวัน 28 ตุลาคมซึ่งมีคิวจะดวลกับบาร์เซโลน่าที่นอกจากจะเป็นทีมใหญ่ที่แข็งแกร่งแล้ว แฟนบอลทั่วโลกต่างก็ตั้งตารอที่จะได้เห็นการลงสนามดวลกันของสองผู้เล่นแห่งยุคอีกครั้ง เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะได้เห็นบ่อย ๆ เหมือนตอนที่ยังเล่นอยู่ที่มาดริด แต่มันคงเป็นไปได้ยากแล้วที่ทางฝั่งโรนัลโด้จะสามารถหายและฟิตกลับมาทันเกมดังกล่าว นอกจากผู้เสียหายโดยตรงอย่างตัวโรนัลโด้และยูเวนตุสแล้ว การที่เขาถูกตรวจพบเชื้อในขณะเก็บตัวทีมชาตินั้นมันยังส่งผลข้ามประเทศไปยังลีกอื่นอย่างเช่นพรีเมียร์ลีกอังกฤษอีกด้วย…
อีกหนึ่งเรื่องสุดเซอร์ไพรส์หลังจากที่ตลาดซัมเมอร์ในรอบนี้ได้ปิดตัวลง ก็คือการที่ทีมมหาอำนาจจอมทุ่มอีกทีมหนึ่งอย่างราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ไม่ได้กระโดดลงจับจ่ายใช้สอยในตลาดรอบนี้เพื่อดึงตัวผู้เล่นเข้าสู่ทีมเลยแม้แต่รายเดียว ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีเลยทีเดียว ที่ทีมจอมทุ่มอย่างพวกเขาไม่ได้ทำการช้อปปิ้งในตลาดใหญ่เลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นก็คือเมื่อปี 1980 ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาจบซีซั่นแบบมือเปล่าด้วยในปีนั้น นอกจากจะไม่ซื้อใครเข้ามาร่วมทีมแล้วพวกเขายังได้ทำการปล่อยตัวผู้เล่นออกไปอีกด้วย โดยเฉพาะผู้เล่นชื่อดังอย่างแกเร็ธ เบล ที่ปล่อยออกไปอยู่กับสเปอร์ด้วยสัญญายืมตัว และฮาเมส โรดริเกวซ ที่ย้ายไปอังกฤษเช่นกันโดยเล่นให้กับเอฟเวอร์ตัน และยังมีอัชราฟ ฮาคิมี่ ไปอินเตอร์ กับแซร์คิโอ เรกีลอน ไปสเปอร์…
ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ส่งท้ายตลาดหน้าร้อน ที่ทางโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ และบอร์ดบริหารของปีศาจแดงจัดให้สำหรับแฟน ๆ เลยก็ว่าได้ กับการที่หนึ่งในรายชื่อนักเตะย้ายเข้าในวันสุดท้ายก่อนตลาดวายนั้น มีชื่อของเอดินสัน คาวานี่ กองหน้าจอมเก๋าชาวอุรุกวัยที่พึ่งจะหมดสัญญากับปารีส แซงต์แชร์กแมง และยังคงเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์อยู่จนวันสุดท้ายของตลาดเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าชื่อของคาวานี่นั้นมันดังพอที่จะสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้เกิดขึ้นกับทีมอย่างแน่นอน เพราะเขาคือหนึ่งในกองหน้าที่มีความสามารถสูงคนหนึ่งของวงการในช่วงที่ผ่านมา แถมยังมีประสบการณ์คว้าแชมป์มาแล้วอย่างมากมายบนแผ่นดินฝรั่งเศส มันจึงทำให้ความเห็นของแฟนบอลบางส่วนมองว่าเขาจะเข้ามายกระดับแนวรุกของผีแดงที่ดูจะทื่อ ๆ ต้องอาศัยจุดโทษเอาชนะคู่แข่งอยู่บ่อย ๆ ให้กลับมาน่ากลัวและทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง และนอกจากการคาดหวังการผลิตประตูที่เขาจะทำให้กับทีม คาวานี่ยังจะเข้ามาช่วยกระตุ้นกองหน้าที่มีอยู่ในทีมให้กลับมามีไฟอีกครั้ง เหมือนตอนที่อิกาโล่เข้ามาใหม่ ๆ…
หลังจากที่มีปัญหาคาราคาซังมาอย่างยาวนานในที่สุดเรื่องราวของราชันชุดขาว กับแกเร็ธ เบล ปีกความเร็วสูงชาวเวลส์ก็สามารถหาทางออกที่ดีที่สุดของทั้งสองฝ่ายเสียที ซึ่งมันเป็นทางออกที่ดูเหมือนว่าจะมีความสุขด้วยกันทุกฝ่ายเลยทีเดียว นั่นก็คือการย้ายกลับมาเล่นให้กับทีมที่เป็นเหมือนบ้านของเขาอย่างไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ส ด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาล เมื่อเจ็ดปีที่แล้วแกเร็ธ เบล ย้ายออกจากไวท์ ฮาร์ท เลนไปสู่ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ด้วยราคาที่ทำลายสถิติโลกของคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ที่ 86 ล้านปอนด์ มันทำให้ทุกคนที่มาดริดคาดหวังว่าเขาจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับโลกเทียบเท่าหรือสูงกว่าโรนัลโด้ และมันก็ไม่ได้ดูเกินจริงแต่อย่างใดเมื่อดูจากศักยภาพที่มีอยู่ในตัวของเบลเองที่มีทั้งความเร็วที่เคยฉีกกองหลังระดับโลกอย่างไม่ค่อนจนขาดเป็นริ้ว ๆ มีเท้าซ้ายที่สุดมหัศจรรย์สามารถทำประตูได้ทุกรูปแบบ แถมยังสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ดีอีกด้วย…
ในฤดูกาลนี้ต้องถือว่าเวทีพรีเมียร์ลีกอังกฤษเป็นลีกฟุตบอลอาชีพที่มีการแข่งขันสูงอย่างมาก เมื่อบรรดาสโมสรต่าง ๆ ในลีกต่างก็เต็มไปด้วยนักเตะชื่อดังมากมาย แถมยังมีผู้จัดการทีมระดับโลกมารวมตัวกันอยู่ที่นี่มากมายหลายคนอีกด้วย และหนึ่งในผู้จัดการทีมระดับโลกที่เข้ามาร่วมชิงชัยในเกาะอังกฤษแล้วสามารถทำผลงานได้ดีก็คือ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่เข้ามากุมบังเหียนทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตันนั่นเอง คาร์โล อันเชล็อตติ นั้นแฟนฟุตบอลคงจะรู้กันดีว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมมากฝีมือ ที่ผ่านการประสบความสำเร็จมาอย่างมากมายคนหนึ่งของวงการ สามารถคว้าแชมป์ลีกมาแล้วถึง 4 ประเทศ (อิตาลี, ฝรั่งเศส, อังกฤษและเยอรมัน) แถมคว้าโทรฟี่รายการใหญ่ของทวีปอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก อีก 3 ครั้ง…
ถ้าจะพูดถึงสองยอดทีมแห่งแดนกระทิงดุอย่างเรอัล มาดริดและบาร์เซโลน่าแล้วเรียกว่าไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว แม้แต่ตัวผู้เล่นเองก็ทัดเทียมกันอยู่เสมออย่างเช่นผู้เล่นในเกมรุกที่แย่งตำแหน่งหมายเลขหนึ่งของโลกมาอย่างยาวนานอย่างคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ กับ ลีโอเนล เมสซี่ ซึ่งก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนเสียทีว่าใครเหนือกว่ากัน ส่วนในตำแหน่งกองหลังนั้นก็ไม่แพ้กัน ถ้าหากว่าทางฝั่งบาร์เซโลน่ามีตำนานอย่างการ์เลส ปูโยลที่ถือว่าเป็นกองหลังกัปตันทีมที่ยิ่งใหญ่ ทางฝั่งเรอัล มาดริดก็มีแซร์คิโอ รามอส ที่เป็นตำนานที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในสนามที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ปูโยลด้วยเช่นกัน ซึ่งหากจะเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์แล้วต้องบอกเลยว่ากินกันไม่ลง ปูโยล ลงเล่นให้บาร์ซ่า 593 นัด รามอสก็ลงให้ราชันไปถึง 654 นัดแล้วเช่นกัน แถมยังไม่เลิกเล่นอีกต่างหากส่วนถ้วยรางวัล ฝั่งปูโยลได้แชมป์ลีกมา…
หลังจากฤดูกาลอันเลวร้ายของบาร์เซโลน่าจนทำให้มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้จัดการทีม จากกีเก้ เซเตียน มาเป็นโรนัลด์ คูมัน ซึ่งมันก็ตามมาด้วยข่าวร้ายคือการที่สโมสรประสบกับปัญหาการเงินอย่างหนัก และคูมันจะต้องทำการปล่อยตัวผู้เล่นที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมออกไป เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าแรงนักเตะที่ต้องแบกอยู่อย่างมหาศาล และหนึ่งในคนที่คูมันชี้เป้าว่าไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเขาก็คือ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าตัวเก๋าชาวอุรุกวัยนั่นเอง ซึ่งเหตุผลก็คือซัวเรซนั้นมีอายุปาเข้าไป 33 ปีแล้วถึงแม้ว่าเขาจะเก่งแต่ด้วยวัยเริ่มเข้าสู่ปลายทางอาชีพแล้ว และยังเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เล่นดาวดังค่าตัวแพงอีกด้วยมันจึงทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในลิสต์ที่ต้องถูกปล่อยตัว และมันก็กลายเป็นเหมือนข่าวร้ายอย่างมากสำหรับเขา แฟนบอลบาร์เซโลน่าที่รักในตัวเขา รวมไปถึงกัปตันทีมอย่างลีโอเนล เมสซี่ ที่มีซัวเรซเป็นเหมือนคู่หูทั้งในและนอกสนามของเขามาตลอดหกปี ทำให้การย้ายออกจากทีมครั้งนี้ถึงกับเป็นการแยกทางกันด้วยน้ำตาเลยทีเดียว และหลังจากที่มีข่าวว่าเขาเป็นส่วนเกินบนยานแม่ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่นักเตะระดับเขานั้นจะเป็นที่หมายปองของบรรดาทีมใหญ่ต่าง ๆ…
เป็นอีกครั้งที่ชีวิตต้องพบกับความยากลำบากของกองหน้าที่แฟนบอลบ้านเราตั้งฉายาเชิงเสียดสีแกมประชกให้ว่า “มหาเทพแดนนิซิอุส” หรือแดนนี่ เวลเบ็ค หลังจากมีการประกาศออกมาจากทางสโมสรวัตฟอร์ดต้นสังกัดล่าสุดของเขาแล้วว่า ทางสโมสรได้ทำการยกเลิกสัญญากับตัวนักเตะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทีมของพวกเขาต้องตกชั้นลงไปเล่นในลีกแชมเปี้ยนส์ชิพในฤดูกาลนี้ เป็นที่เข้าใจกันได้ว่าทีมที่ตกชั้นลงไปเล่นในลีกที่ต่ำลงไปนั้น คงจะมีผลกระทบเรื่องรายได้ตามมาอยู่แล้วและทางวัตฟอร์ดเองก็คงไม่สามารถที่จะแบกรับภาระค่าเหนื่อยที่สูงแตะหลักแสนปอนด์ต่อสัปดาห์ของเวลเบ็คได้ และที่สำคัญก็ดูเหมือนว่าตัวของเวลเบ็คเองก็ไม่ได้ช่วยให้ทีมดีขึ้นแต่อย่างใด ออกไปทางสำรองเสียมากมากกว่าอย่างฤดูการล่าสุดเขาลงสนามให้ทีมแบบสลับตัวจริงบ้างสำรองบ้างรวมกันไปแค่เพียง 20 นัดกับผลงาน 3 ประตูกับจ่ายอีก 1 ลูกเท่านั้นเอง มันคงไม่คุ้มค่าที่ทางสโมสรต้องจ่ายค่าเหนื่อยที่ถือว่าแพงมากสำหรับนักฟุตบอลลีกรองให้กับผู้เล่นที่สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้เพียงแค่นี้ มันจึงทำให้เวลเบ็คต้องกลายเป็นมหาเทพที่ไร้บัลลังก์ในที่สุด แดนนี่ เวลเบ็ค ถือว่าเป็นนักฟุตบอลที่มีเส้นทางอาชีพที่ถือว่าอาภัพมากคนหนึ่ง โดยที่เขาเริ่มต้นจากอคาเดมี่ของทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด…
นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างมากเลยก็ว่าได้ สำหรับอาการของทีมปีศาจแดงของกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เมื่อพวกเขาต้องพบกับช่วงเวลาที่ผลงานย่ำแย่อย่างมากหลังจากฤดูกาลใหม่ได้เริ่มเปิดฉากขึ้น และนอกจากผลงานในสนามจะย่ำแย่แล้วเรื่องราวภายนอกสนามที่มีข่าวออกมาแต่ละครั้งก็ดูไม่ดีเลยอีกด้วย มันจึงทำให้ความมั่นคงของตำแหน่งกุนซือของโซลชาร์ดูจะไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย สำหรับเรื่องของฟอร์มการเล่นฤดูกาลใหม่ของปีศาจแดงนั้น ตอนนี้ลูกทีมของโซลชาร์ร่วงลงไปอยู่ถึงอันดับที่ 16 ของตารางหลังจากที่ทำการแข่งขันไปแล้วทั้งหมดสามนัด โดยเริ่มแสดงอาการออกมาตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาลเลยทีเดียวเมื่อพวกเขาโดนคริสตัล พาเลซบุกมาถล่มคาลังถึง 3 ประตูต่อ 1 และนัดต่อมาเหมือนจะดีขึ้นสามารถบุกชนะไบรท์ตันได้ 3-2 ด้วยลูกจุดโทษสุดดราม่าในนาทีสุดท้าย ก่อนที่นัดต่อมาความย่ำแย่จะแสดงออกมาอย่างชัดเจน เมื่อโดนไก่เดือยทองของอดีตนายใหญ่ของทีมอย่างมูรินโญ่บุกมาถล่มยับเยิน 6-1 คาบ้านอีกครั้ง ยังดีที่มีโปรแกรมทีมชาติเข้ามาเบรคให้หายใจเสียก่อน แต่หลังจากกลับจากทีมชาตินี่ถ้าหากว่าโซลชาร์ไม่ได้ใช้ช่วงฟีฟ่าเดย์ไปคิดแผนปรับปรุงและแก้ไขข้อผิดพลาดละก็บอกเลยว่าหนัก…